พบติดฝีดาษลิงอีก 2 คน สาวไทย-หนุ่มเยอรมัน ที่ภูเก็ตสะสม10 คน

ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดมาอีก 2 ราย ที่ภูเก็ต เป็นสาวไทยกับชาย ชาวเยอรมัน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยันยังเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง ส่วนโควิด-19 

ไทยเจอผู้ป่วยติดเชื้อโรคฝีดาษลิงเพิ่มอีก โดยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงจำนวน 2 คน ซึ่งเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 9 และรายที่ 10 ในจังหวัดภูเก็ต ประวัติพบว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดยผู้ป่วยยืนยันรายที่ 9 เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 37 ปี อาชีพพนักงานบริการ เริ่มป่วยตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2565 มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว วันที่ 17 ก.ย. ผู้ป่วย ซื้อยารับประทานเอง ต่อมาเริ่มมีผื่นที่บริเวณก้นมีผื่นตุ่มหลายประเภท ทั้งตุ่มน้ำใส ตุ่มนูนแดง ตุ่มหนอง ทั่วร่างกาย ไม่คัน แต่เจ็บบริเวณที่เป็นตุ่ม จนถึงวันที่ 25 ก.ย. ขณะที่มีอาการป่วยในวันที่ 17 ก.ย. ให้ประวัติว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวเยอรมัน อายุ 54 ปี ซึ่งต่อมาเริ่มมีอาการผื่นและตุ่มหนองที่บริเวณหน้าอกเช่นกันในวันที่ 27 ก.ย.

ป่วยได้ข้อมูลว่าไม่ได้สัมผัสผู้ป่วยที่มีผื่นหรือตุ่มที่ผิวหนัง และไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศในช่วง 21 วันก่อนป่วย แต่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดชาวต่างชาติ แพทย์วินิจฉัยว่าสงสัยเป็นโรคฝีดาษลิง จึงส่งตัวอย่างตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาเชื้อ วันที่ 26 ก.ย.ผลตรวจ PCR พบเชื้อ Monkeypox virus กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนโรคจากกองระบาดวิทยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต และโรงพยาบาลในพื้นที่เข้าสอบสวนโรคตั้งแต่วันที่ 27-30 ก.ย. ค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จนพบชาวเยอรมันคนดังกล่าวโดยเป็นผู้ป่วยยืนยันรายที่ 10 จากผลการตรวจ PCR ข้อมูลการสอบสวนพบว่าติดเชื้อผ่านการสัมผัสใกล้ชิด
นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคฝีดาษลิงทั่วโลก ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ย.2565 พบผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงยืนยัน 67,556 คน เสียชีวิต 27 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังอยู่ในแถบทวีปยุโรป ส่วนสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในประเทศไทย ข้อมูล ณ
วันที่ 30 ก.ย.2565 พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 10 คน ขอแนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ไม่รู้จัก หรือผู้ที่มีไข้ ผื่น ตุ่มน้ำ ตุ่มหนองบริเวณร่างกาย หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่งจากร่างกายผู้อื่น ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน สวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ใกล้ชิดผู้อื่น ล้างมือบ่อยๆ รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาดและไม่สัมผัสสัตว์ป่วย
นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า การเฝ้าระวังผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษลิงในประเทศไทยยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่องทั้งในสถานพยาบาล คลินิกนิรนาม คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คลินิกโรคผิวหนังและโรงพยาบาล ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ รวมทั้งการเฝ้าระวังเชิงรุกในสถานที่เสี่ยง เพื่อค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม และเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการเพื่อให้การตรวจวินิจฉัยทำได้รวดเร็วขึ้น และโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนมีศักยภาพในการรักษาโรคนี้ได้ ทั้งนี้หากท่านใดเคยมีกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ สัมผัสใกล้ชิด หรือสัมผัสแนบชิดกับผู้ที่มีอาการป่วยเข้าข่ายโรคฝีดาษลิง เช่น มีผื่น ตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ดตามลำตัว ร่วมกับมีไข้ เจ็บคอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ในไทย ที่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 เป็นต้นไป มีการปรับลดจากโรคติดต่ออันตรายมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และปรับการรายงานจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เข้าโรงพยาบาล ผู้เสียชีวิต จากเดิมรายงานโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. มาเป็นการรายงานผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข โดยวันที่ 1 ต.ค. กรมควบคุมโรครายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้ารักษาในโรงพยาบาล 823 คน หายป่วย 811 คน กำลังรักษา 6,467 คน เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 466 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 260 คน เสียชีวิต 7 คน รวมเสียชีวิตสะสมในปี 2565 จำนวน 11,073 คน ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อนอกโรงพยาบาล ตรวจหาเชื้อด้วย ATK รอบสัปดาห์ที่ 38 วันที่ 18-24 ก.ย.2565 มีจำนวน 81,258 คน